วันพฤหัสบดีที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2553

คำถวายผ้ากฐิน

คำถวายผ้ากฐินทาน

อิมัง  ภันเต,  สะปะริวารัง , กะฐินะจีวะระทุสสัง,  สังฆัสสะ, โอโณชะยามะ

สาธุโน  ภันเต,  สังโฆ,  อิมัง ,  สะปะริวารัง,  กะฐินะทุสสัง,  ปะฏิคคัณหาตุ,

ปะฏิคคะเหตฺวา จะ, อิมินา ทุสเสนะ, กะฐินัง ,อัตถะระตุ, อัมหากัง. ทีฆะรัตตัง,

หิตายะ, สุขายะ

คำแปลว่า

ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ  ข้าพเจ้าทั้งหลาย  ขอน้อมถวาย  ผ้ากฐินจีวรกับทั้งบริวารนี้  แก่พระสงฆ์  ขอพระสงฆ์จงรับผ้ากฐิน  กับทั้งบริวารนี้  ของข้าพำเจ้าทั้งหลาย  รับแล้วจงกรานกฐิน  ด้วยผ้านี้  เพื่อประโยชน์และความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย สิ้นกาล นานเทอญ

 

                           อนุโมทนารัมภคาถา
(หันทะ มะยัง สามัญญะอะนุโมทะนาคาถาโย ภะณามะ เส)
ยะถา วาริวะหา ปูรา ปะริปูเรนติ สาคะรัง,
ห้วงน้ำที่เต็ม ย่อมยังสมุทรสาครให้บริบูรณ์ได้ ฉันใด,
เอวะเมวะ อิโต ทินนัง เปตานัง อุปะกัปปะติ,
ทานที่ท่านอุทิศให้แล้วแต่โลกนี้,
ย่อมสำเร็จประโยชน์แก่ผู้ที่ละโลกนี้ไปแล้วได้ ฉันนั้น,
อิจฉิตัง ปัตถิตัง ตุมหัง,.........ขออิฏฐผล ที่ท่านปรารถนาแล้วตั้งใจแล้ว,
ขิปปะเมวะ สะมิชฌะตุ,.........จงสำเร็จโดยฉับพลัน,
สัพเพ ปูเรนตุ สังกัปปา,.........ขอความดำริทั้งปวง จงเต็มที่,
จันโท ปัณณะระโส ยะถา,......เหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ,
มะณิ โชติระโส ยะถา,...........เหมือนแก้วมณีอันสว่างไสว ควรยินดี,
สัพพีติโย วิวัชชันตุ,..............ความจัญไรทั้งปวง จงบำราศไป,
สัพพะโรโค วินัสสะตุ,.............โรคทั้งปวงของท่าน จงหาย,
มา เต ภะวัต๎วันตะราโย,..........อันตราย อย่ามีแก่ท่าน,
สุขี ฑีฆายุโก ภะวะ,...............ท่านจงเป็นผู้มีความสุข มีอายุยืน,
อะภิวาทะนะสีลิสสะ นิจจัง, วุฑฒาปะจายิโน จัตตาโร ธัมมา วัฑฒันติ
อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง,

ธรรม ๔ ประการคือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ, ย่อมเจริญแก่บุคคลผู้มีปกติ
ไหว้กราบ, มีปกติอ่อนน้อม (ต่อผู้ใหญ่) เป็นนิจ,
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง,...........ขอสรรพมงคลจงมีแก่ท่าน,
รักขันตุ สัพพะเทวะตา, ..........ขอเหล่าเทวดาทั้งปวง จงรักษาท่าน,
สัพพะพุทธานุภาเวนะ,............ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้าทั้งปวง,
สัพพะธัมมานุภาเวนะ,.............ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมทั้งปวง,
สัพพะสังฆานุภาเวนะ, ............ด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์ทั้งปวง,
สะทา โสตถี ภะวันตุ เต,
ขอความสวัสดีทั้งหลาย จงมีแก่ท่านทุกเมื่อเทอญ.
                     

                      ....กาลทานสุตตคาถา
(หันทะ มะยัง กาละทานะสุตตะคาถาโย ภะณามะ เส)
กาเล ทะทันติ สะปัญญา............วะทัญญู วีตะมัจฉะรา
ทายกเหล่าใดเป็นผู้มีปัญญา, รู้จักถ้อยคำพูดจาปราศจากความตระหนี่,
กาเลนะ ทินนัง อะริเยสุ...............
อุชุภูเตสุ ตาทิสุ,
วิปปะสันนะมะนา ตัสสะ
..............วิปุลา โหติ ทักขิณา,
มีใจเลื่อมใสแล้วในพระอริยเจ้า, ผู้มีปรกติอันซื่อตรง,
ให้ทานในกาลถูกต้องตามสมัย, ทักษิณาทานของทายกเหล่านั้น,
ย่อมมีผลอันไพบูลย์,
เย ตัตถะ อะนุโมทันติ,.................เวยยาวัจจัง กะโรนติ วา,
ชนเหล่าใดเป็นผู้ช่วยขวนขวาย, ร่วมทำทานนี้ด้วยความยินดี,
นะ เตนะ ทักขิณา โอนา,..............เตปิ ปุญญัสสะ ภาคิโน,
ทักษิณาทานของทายกเท่านั้นก็มิได้บกพร่องไป, เพราะเหตุนั้น,
ชนทั้งหลายเหล่าอื่น ก็ย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งบุญนั้นด้วย,
ตัส๎มา ทะเท อัปปะฏิวานะจิตใจ,.....ยัตถะ ทินนัง มะหัปผะลัง,
เพราะเหตุนั้นแล, ท่านทั้งหลายควรเป็นผู้มีใจอันไม่ท้อถอย,
เมื่อให้ทานในที่ใดๆ มีผลมาก, ก็ควรให้ทานในที่นั้นๆ เถิด,
ปุญญานิ ปะระโลกัส๎มิง,................ปะติฏฐา โหนติ ปาณินันติ,
เพราะเหตุว่าบุญนั้นย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย, ในโลกหน้าต่อๆ ไป.
วิหารทานคาถา

นั้นคือคำถวายผ้ากฐิน ของทายกทายิกาทั้งหลาย ผู้แสวงหาบุญ คือความสุขอันเกิดจากการได้ให้สิ่งที่เลิศ และประเสริฐ คือการทำบุญใหญ่ๆหรือสำคัญในชีวิตคนเราแต่หละคนจะมีไม่กีครั้ง คือกฐินทาน สังฆทาน และอืนๆ จะมากหรือน้อนขอให้เรามีจิตยินดีในการให้ และอนุโมทนาบุญกับคนอื่นที่เขาได้ทำแล้ว  นั้นคือส่วนทายก มาดูคำอวยพรหรือให้พร ที่เรียกว่าอนุโมทนาบุญ ซึ่งพระทุกรูปจะอนุโมทนาบุญให้แก่เราว่าอย่างไร

         อนุโมทนารัมภกถาแปล (ยถา)

ห้วงน้ำที่เต็มย่อมยังมหาสมุทร ให้บริบูรณ์ได้ฉันใด   ทานที่ท่านอุทิศให้แล้วในโลกนี้  ย้อมสำเร็จประโยชน์แก่ผู้ที่ละโลกนี้ไปแล้วฉันนั้น  ขออิฐผลที่ท่านปรารถนาแล้ว ตั้งใจแล้ว จงสำเร็จโดยฉับพลัน  ขอความดำริทั้งปวงจงเต็มเปี่ยม  เหมือนพระจันทร์ในวันเพ็ญ  เหมือนแก้วมณีอันสว่างไสวควรยินดี

        (สัพพี) ความจัญไรทั้งปวง  จงพินาศไป โรคทั้งปวง (ของท่าน)จงหายไป อันตรายอย่ามแก่ท่าน  ท่านจงเป็นผู้มีความสุขมีอายุยืนยาว  ความจัญไรทั้งปวง  จงพินาศไป โรคทั้งปวง (ของท่าน)จงหายไป อันตรายอย่ามแก่ท่าน  ท่านจงเป็นผู้มีความสุขมีอายุยืนยาว  ความจัญไรทั้งปวง  จงพินาศไป โรคทั้งปวง (ของท่าน)จงหายไป อันตรายอย่ามแก่ท่าน  ท่านจงเป็นผู้มีความสุขมีอายุยืนยาว  ธรรม ๔ อย่างนี้ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ย่อมเจริญแก่บุคคลผู้มีปกติกราบไหว้  มีปกติอ่อนน้อม (ต่อผู้ใหญ่)

       กาลทาน(กาเล ทะทันติ สะปัญญา)

ทายกทั้งหลายเหล่าใด  เป็นผู้มีปัญญา  มีปกติพูดคำไพเราะ  ปราศจากความตระหนี่  มีใจเลื่อมใสแล้วในพระอริยเจ้าทั้งหลาย ผู้ปฏิบัติตรง  บริจาคทานทำให้เป็นของที่ตนถวายโดยกาลนิยม ในกาลสมัย  ทักขิณาทาน  ของท่านนั้นเป็นคุณสมบัติมีผลไพบูรณ์ชนทั้งหลายเหล่าใดอนุโมทนา  หรือช่วยกระทำการขวนขวายในทานนั้น  ทักขิณาทานของเขามิได้บกพร่องไป  ด้วยเหตุนั้น  ชนทั้งหลายแม้เหล่านั้นย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งบุญนั้นด้วย  เหตุนั้น  ทายกควรเป็นผู้มีใจไม่ย่อท้อ  ควรให้ในที่ที่มีผลมาก  บุญย่อมเป็นที่พึ่งอาศัยของสัตว์ทั้งหลายในโลกหน้า แลฯ

       เกร็ดจากงานบุญกฐิน  เป็นบุญเกิดขึ้นฉะเพราะกาลเวลา 1 เดือนเท่านั้น เรียกว่ากาลทาน มีอานิสงส์มาก มีคุณมาก แม้ผู้ปรารถนา พุทธภูมิ ก็ดี สาวกภูมิ ก็ดี หรือเศรษฐีมหาศาลก็ดี ตลอดถึงสวรรค์ก็ ก็สามารถสำเร็จผลได้  แต่มีข้อแม้ว่าที่ที่ท่านทำบุญให้ทานนั้น เป็นทักขิเณยบุคคล  หรือผู้ปฏิบัติเพื่ออริยมรรค

      

พุทธบูชา บางมด ทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร ~ สวดมนต์วัดพุทธบูชา

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ภาพงานบุญ










india2553

dj100.25พาเที่ยวอินเดีย



หลวงพ่อพุทธเมตตาที่พุทธคยา

DSC08813 



 
Design by Wordpress Templates | Bloggerized by Free Blogger Templates | Web Hosting Comparisons